ພັນລາວ.ຄອມ
ຊອກຫາ:
ຊອກຫາແບບລະອຽດ
ຂຽນເມື່ອ ຂຽນເມື່ອ: ມ.ສ.. 10, 2010 | ມີ 10 ຄຳເຫັນ ແລະ 0 trackback(s)
ໜວດໝູ່: ອື່ນ ໆ

ຂໍເຊີນເພືອນໆພັນລາວເຂົ້າຮ່ວມ(ກຸ່ມມວຍລາຍລາວ)ເພື່ອອະນຸລັກສີນລະປະການຕໍ່ສູ້ ແລະ ສືບທອດຄວາມເປັນເອກະລັກຂອງຄວາມເປັນລາວເຮົາ,ໃຫ້ຢູ່ຍົງຄົງຕົວຕະຫຼອດຮອດລູກຫຼານເຫຼັນລອນບໍ່ໃຫ້ສູນຫາຍແຕ່ດຶກດຳບັນມາເຖີງປະຈຸບັນກະບໍ່ມີໃຫ້ຮູ້ວ່າສີນລະປະການການຕໍ່ຂອງລາວເຮົາມີອາຍຸໄດ້ຈັກປີແລ້ວເນາະ. ແລະຂ້າພະເຈົ້າກໍ່ມີຄວາມຍິນດີທີ່ຈະຮັກສາ ແລະ ຖ່າຍທອດ ວັດທະນາທຳ ສີນລະປະມວຍລາຍລາວໃຫ້ນ້ອງໆຫຼານໄດ້ສຶກສາ.ໂດຍຮຽບຮຽງມາຈາກທີອື່ນໆຈາກເວັບອື່ນ.ເພື່ອໃຫ້ເພືອນໆນ້ອງໆຫຼານໄດ້ສຶກສາໄວ້ເພື່ອປ້ອງກັນຮ່າງຂອງຕົນເອງໃນຍາມວິກິດສາມາດຊ່ວຍເຫຼືອຕົນເອງ ເອົາຕົວຫຼອດຈາກບຸກຄົນອື່ນທີ່ຫັວງທຳຮ້າຍເຮົາ ແລະມັນຍັງການອອກກຳລັງກາຍປະຈຳວັນເພື່ອສຸຂະພາບທີ່ດີອີກດ້ວຍເນາະ

ສັງເກດຈາດເວັບນີ້ http://www.wrestlingsbest.com/collectibles/wrestuffpostcards002.html
ແລ້ວຈະເຫັນວ່າມວຍລາຍລາວຂອງເຮົາກຳເນິດແຕ່(ດຶກດຳບັນ)ປະຫວັດແທ້

(ກົດຕາມໜັງສືສີແດງເພື່ອເຂົ້າຮ່ວມກຸ່ມ)ຂອບໃຈທີ່ຮ່ວມອະນຸລັກສີນລະປະຂອງລາວກະຄືຂອງຊາດ

ຂຽນເມື່ອ ຂຽນເມື່ອ: ມ.ສ.. 10, 2010 | ມີ 6 ຄຳເຫັນ ແລະ 0 trackback(s)






 
ວິທີແກ້ອາການງ່ວງນອນ ຫຼື ຫາວນອນໃນຫ້ອງລ້າຫ້ອງການ

 
ວິທີແກ້ອາການງ່ວງນອນ ຫຼື ຫາວນອນໃນຫ້ອງລ້າຫ້ອງການ ອາການງ່ວງນອນ ຫຼືຫາວນອນ ເປັນອາການໜື່ງທີລະບາດໃນກຸ່ມໄວທຳງານ ທີ່ເຮັດວຽກໃນຫ້ອງລ້າຫ້ອງການ ຊຶ່ງເຮັດໃຫ້ເສຍສະມາທິໃນການເຮັດວຽກ ແລະ ເກີດອາການຂີ້ຄ້ານ ຕາມມາອີກ. ເນື່ອງຈາກອາການອ່ອນເພຍ ທີ່ເວົ້າເຖິງນີ້ເປັນໜື່ງໃນອາການຂອງ ໂຣກໄຮໂປໄກລຊີເມັຍ ຊຶ່ງສ່ວນໜື່ງ ເປັນເພາະການຜັກຜ່ອນບໍພຽງພໍ ແລະ ການກິນອາຫານທີ່ຜິດໆ ໂດຍສະເພາະອາຫານຫວານທີ່ເຕັມໄປດ້ວຍ ນ້ຳຕານ ແລະ ແປ້ງ. ອາຫານ 4 ຢ່າງ ຕໍ່ໄປນີ້ ຊ່ວຍລົດຄວາມຢາກນອນຂອງທ່ານໄດ້:
1. ຜັກ ແລະ ໝາກໄມ້ ທີ່ອຸດົມດ້ວຍວິຕາມິນຊີ ໄດ້ແກ່: ໝາກສີດາ, ໝາກກ້ຽງ, ກະລ່ຳດອກຂຽວ. ອາຫານພວກນີ້ຈະຊ່ວຍຕ້ານ ຄວາມອ່ອນເພຍ ທີ່ມາຈາກຄວາມເຄັ່ງຕຶງ ແລະ ກັງວົນຕ່າງໆ
2. ໝາກໄມ້ທີ່ມີ ໂຄຣມຽມ (Chromium) ໄດ້ແກ່: ໝາກແອບເປີ້ນ, ໝາກກ້ວຍ, ໝາກສີດາທີ່ຈະຊ່ວຍຮັກສາລະດັບນ້ຳຕານໃນເລືອດ ແລະ ເພີ່ມພະລັງງານແກ່ຮ່າງກາຍ
3. ເມັດພືດທີ່ອຸດົມຄຸນຄ່າ ໄດ້ແກ່:​ ໝາກງາ, ແກ່ນໝາກຖົ່ວແຫ້ງ, ເມັດພືດພັນທີ່ບໍ່ຜ່ານການຜັດສີຈົນຫຼ້ອນ (ເຂົ້າທີ່ຕຳດ້ວຍມື) ແລະ ຈອມຂອງເມັດເຂົ້າວີດ (Wheat germ) ທີ່ມີໂພແທສຊຽມ ຊ່ວຍບຳລຸງປະສາດ ແລະ ຊ່ວຍໃຫ້ຈິດໃຈແຈ່ມໃສ
4. ໄຂມັນດີໆ ຈາກປາ ເປັນອີກທາງເລືອກໜື່ງທີ່ເສີມໂປຣຕິນ ແລະ ກົດໄຂມັນໂອເມກ້າ-3 ໃຫ້ແກ່ຮ່າງກາຍ ແລະ ຍັງຊ່ວຍໃຫ້ມີສະມາທິ ແລະ ຄວາມຈື່ຈຳໄດ້ດີຂື້ນ.

ຈາກhttp://www.laosabai.com/plugins/content/content.php?content.27

ຂຽນເມື່ອ ຂຽນເມື່ອ: ມ.ສ.. 8, 2010 | ມີ 13 ຄຳເຫັນ ແລະ 0 trackback(s)

ປີໃຫມ່ລາວ (Lao New Year) ແມ່ນບຸນປະເພນີ ການຂື້ນປີໃຫມ່ ໃນປະເທດລາວ, ປະເທດໄທ, ປະເທດກໍາປູເຈຍ, ປະເທດພະມ້າ ທີ່ມີຂື້ນທຸກປີ ລະຫວ່າງ ວັນທີ 13 ເຖີງ 16 ເດືອນ ເມສາ ຕາມປະຕິທິນເດືອນຂອງລາວ.

ບຸນປີໃຫມ່ ແມ່ນຖືກເອີ້ນອີກວ່າ ບຸນຫົດນໍ້າ ເຊິ່ງທຸກຄົນຈະຫົດນໍ້າ ແລະ ອວຍພອນ ກັນແລະກັນ, ເນື່ອງຈາກວ່າ ເດືອນ ເມສາ ແມ່ນ ເດືອນທີ່ຮ້ອນສຸດ ອຸນະພູມ ແມ່ນອາດຂື້ນສູງເຖິງ 40 ອົງສາ.

ນອກຈາກນັ້ນ, ຢູ່ທີ່ວັດຈະມີການເຮັດບຸນ, ທໍາຄວາມສະອາດທາດ ແກ່ຍາດຕິພີ່ນ້ອງ ທີ່ລ່ວງລັບໄປ, ແລະ ມີການທໍາຄວາມສະອາດທາດພຣະ ເອີ້ນວ່າ ສົງພຣະ.

ທີ່ຫລວງພຣະບາງ, ທຸກປີ ຍັງມີການແຫ່ ນາງສັງຂານ.

ຈາກ ວິກິພີເດຍ(ຄິລກລີ້ງ ຕາມໂຕໜັງສືສີຟ້າເດີ ຂອບໃຈ)

ຂຽນເມື່ອ ຂຽນເມື່ອ: ກ.ພ.. 19, 2010 | ມີ 8 ຄຳເຫັນ ແລະ 0 trackback(s)
ໜວດໝູ່: ກາບກອນ

ອັນນີ້ແມ່ນ   ແມັກທີ່ວ ເຈົ້າພໍ່ພັນລາວເພີ່ນໃຫ້ຂ້າພະເຈົ້າເອົາມາເຜີຍແຜ່ ກາບກອນຂອງ   ຄົນໃຈດີ   ທີ່ຂຽນໄວ້  ເວັບຍີ້ມລາວ  ພຸ້ນເລີຍເອົາມາເຜີຍແຜ່ໃຫ້ຊາວພັນລາວມາອ່ານ ແລະ ເປັນພະຍານຮັກໃຫ້ແກ່ເພີ່ນພ້ອມ ແຮ່ໆໆໆໆໆໆ  ຄົນໃຈດີ ເພີ່ນຊີບໍວ່າຕິເບາະເນາະ   ມາອ່ານພ້ອມກັນເລີຍເນາະຊັ້ນນາ

ແຕ່ງໂດຍ:   ຄົນໃຈດີ

ກາບສົດ: ຕອນ: ແມ່ເດັກນ້ອຍ

ຂ້ອຍມີແຟນ ຊື່ວ່າປາຂາວ

ຂ້ອຍເອີ້ນລາວ ວ່າແມ່ເດັກນ້ອຍ

ເພາະວ່າຂ້ອຍ ຮັກລາວຫລ້າຍ ຫລາຍ

ເຄີຍເສຍໃຈ ກັບຮັກຜ່ານມາ

ຊົ່ວແທ້ໜາ ດື່ມເບຍດື່ມເຫລົ້າ

ດຽວນີ້ເຊົາ ເຊົາດື່ມແລ້ວເດີ່

ບໍ່ໄດ້ເວີ້ ຂ້ອຍເວົ້າຄວາມຈິງ

ທຸກໆສິ່ງ ທີ່ປາຂາວໃຫ້

ສະບາຍໃຈ ມີສຸກທຸກຢ່າງ

ຂ້ອຍນີ້ຊ່າງ ໂຊກດີແທ້ໆ

ເບີ່ງຂ້ອຍແມ້ ໜ້າກະຄືລີງ

ບໍ່ມີສິ່ງ ປຽບທຽບລາວໄດ້

ນອກຈາກໃຈ ຮັກແທ້ຂອງຂ້ອຍ

ຈະບໍ່ປ່ອຍ ໃຫ້ລາວຫລຸດມື

ຂ້ອຍຊິຖື ລາວໄວ້ໃຫ້ແໜ້ນ

ຂ້ອຍຫວງແຫນ ແຟນຂ້ອຍຄົນນີ້

ຂ້ອຍບໍ່ມີ ຍິງສອງຍິງສາມ

ດີກໍ່ຕາມ ງາມເລີດກະຢ່າ

ຂ້ອຍນີ້ນະ ຮັກດຽວໃຈດຽວ

ບໍ່ຂ້ອງກ່ຽວ ຍິງນັ້ນຍິງນີ້

ຂ້ອຍຈະມີ ຮັກດຽວຕໍ່ໄປ

ຂ້ອຍຢູ່ໃສ ກະຄິດຮອດເຈົ້າ

ຂ້ອຍຢາກເວົ້າ ວ່າຮັກເຈົ້າຫລາຍ

ຊີບອາດວາຍ ຖ້າບໍ່ເຫັນໜ້າ

ຂ້ອຍສັນຍາ ຈະບໍ່ນອກໃຈ

ເປັນຈັ່ງໃດ ກະຮັກຄືເກົ່າ

ຮັກປາຂາວ ຄືກັບຮັກແມ່

ຮັກແທ້ໆ ແມ່ເດັກນ້ອຍຂ້ອຍ

ຂໍອະນຸຍາດເດີ  ຄົນໃຈດີ  ແຮ່ໆໆໆໆໆໆ ວິທີຫາເງີນເພີ່ມ

ຂຽນເມື່ອ ຂຽນເມື່ອ: ກ.ພ.. 14, 2010 | ມີ 3 ຄຳເຫັນ ແລະ 0 trackback(s)
ໜວດໝູ່: ຄວາມຮັກ

ຂໍອະນຸຍາດພີມເປັນພາສາໄທແດ່ເດີ ເພາະຍັງບໍເກັ່ງພີມພາສາລາວເທື່ອ

ตำนาน ดอกกุหลาบ กับความหมายดี ๆ


 

Rose


 


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 

          เคยได้ยินคำเปรียบเปรยไหมที่ว่า ผู้หญิงสวยแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมก็เปรียบได้ดัง "ดอกกุหลาบ" เพราะดอกกุหลาบนั้นแม้จะมีรูปร่างภายนอกที่สวยงามรวมถึงกลิ่นที่หอมชวนดมแต่มันก็มีหนามแหลม หากไม่ระวังอาจโดนบาดได้ง่ายๆ

          กุหลาบนั้นมีชื่อสามัญว่า "Rose" ชื่อทางพฤกษาศาสตร์ว่า "Rosa hybrids" และมีชื่อวงศ์ว่า "Rosaceae" ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ลักษณะของกุหลาบนั้นมีทั้งไม้พุ่มและไม้เลื้อย ลำต้นและกิ่งจะมีหนาม ส่วนดอกของกุหลาบจะมีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกมีลักษณะใหญ่ มีไม่ต่ำกว่า 5 กลีบ กุหลาบนั้นจะมีกลิ่นหอมชวนดม โดยมันจะมีหลายสี เช่น แดง ขาว เหลือง ชมพู ฯลฯ และมีอยู่หลายชนิดด้วย
 

กุหลาบ


          ซึ่งคำว่ากุหลาบนั้นมาจากคำว่า "คุล" ที่ในภาษาเปอร์เซียแปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ" โดยในภาษาฮินดีก็มีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้" และคำว่า "คุลาพ" ก็หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ" ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก

          โดยกุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกมาแต่โบราณ ว่ากันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อ 70 ล้านปีมาแล้ว และเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแต่ก่อนกุหลาบนั้นเป็นกุหลาบป่าและมีรูปร่างไม่เหมือนในทุกวันนี้ แต่เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์จนขยายเป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย

 
 
กุหลาบ
 

          ตามประวัติศาสตร์เล่าว่ากุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิ์ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอกส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน เพราะชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก แม้ว่าจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้วก็ตามแต่ก็ยังลงทุนสร้างสถานที่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย เพราะสำหรับชาวโรมันแล้วดอกกุหลาบนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน อีกทั้งชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก เป็นทั้งของขวัญ และเป็นดอกไม้สำหรับทำมาลัยต้อนรับแขก รวมถึงเป็นดอกไม้สำหรับงานฉลองต่างๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ และยาได้อีกด้วย

          และเมื่อเอ่ยถึงดอกกุหลาบแล้ว หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงามและความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

 
 
กุหลาบ
 

          แม้จะไม่มีการบันทึกอย่างชัดเจนว่าดอกกุหลาบนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับบ้าเราตอนไหน แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกไว้ว่าเห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ก็ได้มีการกล่าวถึงกุหลาบเอาไว้ และยังมีตำนานดอกกุหลาบของไทยที่เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา" ซึ่งได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ" ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มาก แต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาบให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา

          โดยดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่างทีเดียว อาทิ

 
 
กุหลาบ
 

 สีกุหลาบสื่อความหมาย

          สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

          สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

          สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

          สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ

          สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

          สีส้มสื่อความหมายถึง ฉันรักเธอเหมือนเดิม

          กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

 
 
กุหลาบ
 
จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย

          1 ดอก รักแรกพบ
          2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
          3 ดอก ฉันรักเธอ
          7 ดอกคุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
          9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป
          10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
          11 ดอก คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
          12 ดอกขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
          13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ
          15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
          20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
          21 ดอก ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
          36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
          40 ดอกความรักของฉันเป็นรักแท้
          99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย
          100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
          101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
          108 ดอกคุณจะแต่งงานกับฉันไหม
          999 ดอกฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย

 
 
 
กุหลาบ
 

ความหมายอื่น

           กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

           กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

           กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

           กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

           กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

           กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

          และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของของดอกกุหลาบ
 
ຂຽນເມື່ອ ຂຽນເມື່ອ: ກ.ພ.. 14, 2010 | ມີ 6 ຄຳເຫັນ ແລະ 0 trackback(s)
ໜວດໝູ່: ຄວາມຮັກ

ຂໍອະນຸຍາດພີມເປັນພາສາໄທແດ່ເດີ ເພາະຍັງບໍເກັ່ງພີມພາສາລາວເທື່ອ

ตำนาน ดอกกุหลาบ กับความหมายดี ๆ


 

Rose


 


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม 

          เคยได้ยินคำเปรียบเปรยไหมที่ว่า ผู้หญิงสวยแต่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมก็เปรียบได้ดัง "ดอกกุหลาบ" เพราะดอกกุหลาบนั้นแม้จะมีรูปร่างภายนอกที่สวยงามรวมถึงกลิ่นที่หอมชวนดมแต่มันก็มีหนามแหลม หากไม่ระวังอาจโดนบาดได้ง่ายๆ

          กุหลาบนั้นมีชื่อสามัญว่า "Rose" ชื่อทางพฤกษาศาสตร์ว่า "Rosa hybrids" และมีชื่อวงศ์ว่า "Rosaceae" ขยายพันธุ์โดยการตอนกิ่ง ลักษณะของกุหลาบนั้นมีทั้งไม้พุ่มและไม้เลื้อย ลำต้นและกิ่งจะมีหนาม ส่วนดอกของกุหลาบจะมีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกมีลักษณะใหญ่ มีไม่ต่ำกว่า 5 กลีบ กุหลาบนั้นจะมีกลิ่นหอมชวนดม โดยมันจะมีหลายสี เช่น แดง ขาว เหลือง ชมพู ฯลฯ และมีอยู่หลายชนิดด้วย
 

กุหลาบ


          ซึ่งคำว่ากุหลาบนั้นมาจากคำว่า "คุล" ที่ในภาษาเปอร์เซียแปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ" โดยในภาษาฮินดีก็มีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้" และคำว่า "คุลาพ" ก็หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ" ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก

          โดยกุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกมาแต่โบราณ ว่ากันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อ 70 ล้านปีมาแล้ว และเคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยแต่ก่อนกุหลาบนั้นเป็นกุหลาบป่าและมีรูปร่างไม่เหมือนในทุกวันนี้ แต่เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์จนขยายเป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย

 
 
กุหลาบ
 

          ตามประวัติศาสตร์เล่าว่ากุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิ์ ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอกส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน เพราะชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมาก แม้ว่าจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้วก็ตามแต่ก็ยังลงทุนสร้างสถานที่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย เพราะสำหรับชาวโรมันแล้วดอกกุหลาบนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน อีกทั้งชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก เป็นทั้งของขวัญ และเป็นดอกไม้สำหรับทำมาลัยต้อนรับแขก รวมถึงเป็นดอกไม้สำหรับงานฉลองต่างๆ แถมยังเป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ และยาได้อีกด้วย

          และเมื่อเอ่ยถึงดอกกุหลาบแล้ว หลายๆ คนก็คงจะนึกถึงเรื่องความรัก เพราะกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความโรแมนติก โดยมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงามและความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

 
 
กุหลาบ
 

          แม้จะไม่มีการบันทึกอย่างชัดเจนว่าดอกกุหลาบนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับบ้าเราตอนไหน แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้บันทึกไว้ว่าเห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ก็ได้มีการกล่าวถึงกุหลาบเอาไว้ และยังมีตำนานดอกกุหลาบของไทยที่เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา" ซึ่งได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ" ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มาก แต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาบให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา

          โดยดอกกุหลาบนั้นสามารถสื่อความหมายได้หลายอย่างทีเดียว อาทิ

 
 
กุหลาบ
 

 สีกุหลาบสื่อความหมาย

          สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ

          สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์

          สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง

          สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ

          สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

          สีส้มสื่อความหมายถึง ฉันรักเธอเหมือนเดิม

          กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

 
 
กุหลาบ
 
จำนวนกุหลาบสื่อความหมาย

          1 ดอก รักแรกพบ
          2 ดอก แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
          3 ดอก ฉันรักเธอ
          7 ดอกคุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
          9 ดอก เราสองคนจะรักกันตลอดไป
          10 ดอก คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
          11 ดอก คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
          12 ดอกขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
          13 ดอก เพื่อนแท้เสมอ
          15 ดอก ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
          20 ดอก ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
          21 ดอก ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
          36 ดอก ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
          40 ดอกความรักของฉันเป็นรักแท้
          99 ดอก ฉันรักเธอจนวันตาย
          100 ดอก ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
          101 ดอก ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
          108 ดอกคุณจะแต่งงานกับฉันไหม
          999 ดอกฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย

 
 
 
กุหลาบ
 

ความหมายอื่น

           กุหลาบแดงเข้ม (สีเหมือนไวน์แดง) "เธอช่างมีเสน่ห์งามเหลือเกิน"

           กุหลาบตูมสีแดง "ฉันเริ่มรักเธอแล้วจ้ะ"

           กุหลาบบานสีแดง "ฉันรักเธอเข้าแล้ว"

           กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว "ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว"

           กุหลาบตูมสีขาว "เธอช่างไร้เดียงสาน่าทนุถนอมเหลือเกิน ฉันรักเธอ"

           กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว "เสน่ห์ของเธอมันเริ่มลดน้อยถอยลงแล้วนะจ๊ะ"

          และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวที่น่าสนใจของของดอกกุหลาบ
 
ຂຽນເມື່ອ ຂຽນເມື່ອ: ກ.ພ.. 3, 2010 | ມີ 13 ຄຳເຫັນ ແລະ 0 trackback(s)
ໜວດໝູ່: ຄວາມຮັກ

ພະລັງແຫ່ງຮັກ

ຊີວິດທີ່ປາດສະຈາກຄວາມຮັກ ບໍ່ແມ່ນຊີວິດ
ສຳຄັນທີ່ສຸດໃນຊີວິດ ຄືຄວາມຮັກ
ຄວາມສຸກຂອງຊີວິດ ເກີດຈາກຄວາມຮັກ
ຄວາມທຸກຂອງຊີວິດ ເກີດຈາກຄວາມຮັກເຊັ່ນກັນ

  ເດືອນກຸມພາຄົນຢູໂຣບ ຫລື ແຖບເອເຊຍ ລວມທັງລາວເຮົານຳ
ມັກຖືກັນວ່າເປັນເດືອນແຫ່ງຄວາມຮັກ ເປັນເດືອນທີ່ຫນຸ່ມສາວທົ່ວໂລກ ນິຍົມມອບກຸຫລາບສະແດງຄວາມຮັກຕໍ່ກັນເປັນສື່ຮັກຈາກຫົວໃຈ
ໂດຍສະເພາະວັນທີ 14 ກຸມພາ ວັນວາເລນໄທນ໌ ຫລື ວັນແຫ່ງຄວາມຮັກ ເປັນ
ວັນທີ່ບັນຍາກາດແຫ່ງຄວາມຮັກຄຶກຄັກເປັນພິເສດ ກຸຫລາດສີແດງເຖິງວ່າລາຄາ
ມັນຈະແພງກໍຍັງຂາຍດີ ແລະ ຢູ່ທີ່ສຳນັກງານປົກຄອງນະຄອນຫລວງກໍມີຄູ່ບ່າວ
ສາວທີ່ໄປຈົດທະບຽນສົມລົດ ເພື່ອເປັນຄູ່ຊີວິດຢູ່ຮ່ວມຄອບຄົວດຽວກັນດ້ວຍສີຫນ້າ
ທີ່ຫວານຊື່ນ ປ່ຽມລົ້ມດ້ວຍຄວາມສຸກ ດັ່ງຄຳທີ່ວ່າ: "ຄວາມສຸກຂອງຊີວິດ ເກີດ
ຈາກຄວາມຮັກ"

  ວັນວາເລນໄທນ໌ຕາມຕຳນານເລົ່າກັນວ່າ ເປັນວັນແຫ່ງການລະລຶກເຖິງຄວາມ
ຮັກອັນບໍລິສຸດ ແລະ ຄວາມເສຍສະຫລະທີ່ຍິ່ງໃຫຍ່ຂອງນັກບຸນວາເລນໄທນ໌ ທີ່
ຖືກຈັກກະພັດແຫ່ງໂຣມປະຫານຊີວິດ ເພາະເຫດທີ່ທ່ານຝ່າຝືນກົດທີ່ຫ້າມຍິງຊາຍ
ແຕ່ງງານກັນ ແລະ ຫ້າມປະກອບພິທີແຕ່ງງານ ແຕ່ດ້ວຍຄວາມສັດທາຕໍ່ຄວາມ
ຮັກ ແລະ ເມດຕາທີ່ຫາປະມານບໍ່ໄດ້ ທ່ານຈຶ່ງໄດ້ເຮັດພິທີແຕ່ງງານໃຫ້ແກ່ຄູ່ບ່າວ
ສາວທີ່ຮັກກັນຫລາຍຄູ່ຫນື່ງ ທັງທີ່ຮູ້ວ່າເປັນຂໍ້ຫ້າມ ທັງທີ່ຮູ້ວ່າຈະຕ້ອງໂທດເຖິງ
ປະຫານ ແຕ່ດ້ວຍຄວາມຮັກທີ່ບໍລິສັດ ຄວາມເມດຕາທີ່ສູງສົ່ງ ຄວາມເສຍສະລະ
ທີ່ຍິ່ງໃຫຍ່ ແລະ ດ້ວຍພະລັງແຫ່ງຮັກ ຈຶ່ງເຮັດໃຫ້ຄວາມຕາຍບໍ່ມີອິດທິພົນໃດໆ ຕໍ່ຊີວິດຂອງນັກບຸນວາເລນໄທນ໌ ດ້ວຍຄະຕິທີ່ວ່າ:
"ສຳຄັນທີ່ສຸດໃນຊີວິດ ຄື
ຄວາມຮັກ" ດັ່ງນັ້ນຄົນທັງຫລາຍຈຶ່ງພາກັນກຳນົດວັນທີ່ 14 ກຸມພາ ຂື້ນມາເປັນ
ວັນແຫ່ງຄວາມຮັກເພື່ອນເພື່ອລະລຶກເຖິງຄຸນຄວາມດີ ໃນຄວາມເມດຕາຂອງທ່ານ.

   ແຕ່ທຸກມື້ນີ້ແມ່ນກາຍເປັນວ່າວັນວາເລນໄທນ໌ເປັນວັນທີ່ຫນຸ່ມສາວມອບກຸຫລາບ ສະແດງຄວາມຮັກຕໍ່ກັນ ສຳຄັນວ່າເປັນຄວາມຮັກ ແລະ ເປັນວັນທີ່ສາວວັຍລຸ້ນເສຍຕົວໃຫ້ກັບຊາຍຫນຸ່ມຄູ່ຮັກຂອງຕົນກ່ອນວັຍອັນຄວນຫລາຍທີ່ສຸດ ຈົນມີວັຍລັຸນຫລາຍຄົນຕ້ອງເສຍໂຕ ເສຍອະນາຄົດ ແລະ ເສຍຄົນດ້ວຍອາລົມຊົ່ວວູບທີ່ເກີດຈາກຄວາມຮັກຈອມປອມ ຮັກທີ່ເຫັນແກ່ໂຕ ຮັກສະນຸກ ແລະ ຫວັງຜູກພັນຕໍ່ກັນ ໂດຍລືມໄປວ່າຄວາມ
ສຳພັນທີ່ດີທີ່ສຸດ ຄືຄວາມຮັກບໍ່ແມ່ນຄວາມໃຄ່ (ຕັນຫາບ້າກາມ)

ຄວາມຮັກເປັນສິ່ງທີ່ດີງາມ ເປັນເຄື່ອງຈັນໂລງໂລກໃຫ້ສົດໃສ ແລະ ເປັນຕາຢູ່ຍິ່ງຂຶ້ນ

  • ພະລັງແຫ່ງຮັກຈະແຜ່ລາມເຂົ້າໄປຝົນຫົວໃຈ ເຮັດໃຫ້ຄົນເຮົາມີຊີວິດຢ່າງສຸກສຳລານ ເຮັດໃຫ້ຈິດໃຈຫລຸດພົ້ນຈາກຄວາມວິຕົກ, ຄວາມຢ້ານ ແລະ ສິ່ງທີ່ກັງວົນທັງຫລາຍ ຫາກທຸກຄົນມີຄວາມຮັກ ຄວາມເມດຕາ ຄວາມເອື້ອເຝື້ອ ຢ່າງຈິງໃຈມອບໃຫ້ແກ່ກັນ ແລະ ກັນ ດ້ວຍໄມຕີຈິດທີ່ບໍລິສັດ ສົງຄາມ ແລະ ຄວາມຂັດແຍ້ງທີ່ຮຸນແຮງຈະບໍ່ເກີດຂື້ນ ສັງຄົມກໍ່ເປັນສຸກ ທຸກຖິ່ນຖານກໍ່ມີແຕ່ສັນຕິພາບ ແລະ ພະລັງແຫ່ງຮັກເປັນໂຕກະຕຸ້ນລະບົບພູມປ້ອງກັນທີ່ມີອະນຸພາບທີ່ສຸດ
  • ພະລັງແຫ່ງຮັກສາມາດສ້າງສັນເນລະມິດສິ່ງມະຫັດສະຈັນ ແລະ ມີຄຸນຄ່າໃຫ້ເກີດຂື້ນໄດ້ແກ່ໂລກຢ່າງຫລວງຫລາຍ ບໍ່ວ່າຈະເປັນ
    ພຣະຣາຊວັງທີ່ສວຍງາມທີ່ສຸດ ຄື: ທັດຊະມາຮານແຫ່ງອິນເດຍ, ປິຣາມິດແຫ່ງອີຢີບ ແລະ ຫໍເອນປິຊ່າແຫ່ງອິຕາລີ
  • ພະລັງແຫ່ງຮັກສາມາດທຳລາຍລ້າງໄດ້ຢ່າງຮຸນແຮງ ດ້ວຍຄວາມຫຶງຫວງ ແລະ ຕັນຫາ ທີ່ເຮັດໃຫ້ເກີດການຂ້າຟັນລັນແທງກັນຢ່າງ ບໍ່ມີຄວາມເມດຕາເລີຍ ເຊັ່ນ: ມະຫາສົງຄາມແຫ່ງທຣອຍ ສູ້ຮົບກັນເພື່ອຍາດຜູ້ຍິງຄົນດຽວ ຫຶງຫວງແບບເປັນຕາຢ້ານ ເຊັ່ນ: ແມ່ນາກ
    ແຫ່ງພຣະຂະໂນງ
  • ພະລັງແຫ່ງຮັກຄືສາຍໃຍຂອງຊີວິດທີ່ເຊື່ອມໂຍງໃຫ້ເກີດຄວາມຜູກພັນ ແລະ ສັນຕິສຸກແກ່ມວນມະນຸດຊາດ ທຸກຊີວິດລ້ວນດຳລົງຄົງ
    ຢູ່ໄດ້ດ້ວຍຄວາມຮັກ ຢູ່ໄດ້ເພາະມີຄົນທີ່ຕົນຮັກ ຢູ່ໄດ້ເພື່ອເຮັດໃນສິ່ງທີ່ຕົນຮັກ ຢູ່ໄດ້ເພື່ອໃຫ້ຄົນອື່ນຮັກ ຄືກັບຕົ້ນໄມ້ ທີ່ຢູ່ໄດ້ເພາະມີນ້ຳ ແຜ່ກິ່ງສາຂາຈະເລີນເຕີບໃຫຍ່ອອກຫມາກໄດ້ເນື່ອງຈາກອາໄສນ້ຳ ເຊັ່ນດຽວກັບຊີວິດຫາກປາດສະຈາກຄວາມຮັກກໍ່ບໍ່ຕ່າງຫຍັງໄປ
    ຈາກຕົ້ນໄມ້ທີ່ຂາດນ້ຳ ຕ້ອງແຫ້ງຫ່ຽວ ແຫ້ງຈົນລໍມື້ຕາຍ ແລະ ລົ້ມລົງທີ່ສຸດ

   ຄວາມຮັກເກີດໄດ້ເພາະອາໄສເຫດ 2 ປະການຄື: ການຢູ່ຮ່ວມກັນ ຜູກພັນຊ່ວຍເຫລືອກັນໃນປັດຈຸບັນ ແລະ ການເຄີຍເຮັດບຸນຮ່ວມກັນມາແຕ່ຊາດກ່ອນ ທີ່ເອີ້ນວ່າ: "ບຸບເພສນນິວາດ ອຸປະມາຄືກັບດອກບົວ ທີ່ອາໄສນ້ຳ ແລະ ດິນຕົມຈິ່ງເກດຄວາມຮັກກໍໃຫ້ເກີດພະລັງທັງດ້ານບວກ ແລະ ລົບ ທັງສ້າງສັນ ແລະ ທຳລາຍ ເຮັດໃຫ້ມີຄວາມສຸກ ແລະ ຄວາມທຸກໄດ້ ໃນສິ່ງດຽວກັນປຽບເຫມືອນກັບໄຟທີ່ໃຫ້ທັງຄຸນ ແລະ ໂທດ ມັນຂື້ນກັບວ່າຜູ້ໃດຈະຮູ້ໃຊ້ໃຫ້ເກີດປະໂຫຍດພຽງໃດ ດ້ວຍວິທີໃດເທົ່ານັ້ນ ເມື່ອຄົນສົມຫວັງໃນຮັກ
ມັກຈະມີຄວາມສຸກສົດຊື່ນຫວານແວວ ແລະ ດື່ມດຳໃນລົດຫວານແຫ່ງຄວາມຮັກ ຈະເຫັນໂລກທັງໂລກ
ເປັນສີຊົມພູ

  ເຖິງຢ່າງໃດກໍ່ຕາມເມື່ອມື້ໃດທີ່ເກີດຜິດຫວັງໃນຮັກຂື້ນມາ ໂລກຈະປ່ຽນຈາກສີຊົມພູເປັນສີດຳ ນ້ຳຕາ
ແຫ່ງຄວາມໂສກເສົ້າທໍລະມານ ແລະ ລົດຊາດທີ່ຂົມຂື່ນ ອັນເປັນພິດແຫ່ງຮັກຈະກັດທຳລາຍຊີວິດໃຫ້
ອັບເສົາ ຫ່ຽວແຫ້ງ ໂດດດ່ຽວປ່ຽວເຫງົາແບບຫນ້າສົງສານ

  ພຣະພຸດທະອົງຊົງຕຣັດວ່າ: "ບ່ອນໃດມີຮັກບ່ອນນັ້ນມີທຸກ ເມື່ອມີຮັກຮ້ອຍກະທຸກຮ້ອຍ ມີຮັກນ້ອຍຈະທຸກນ້ອຍ ຖ້າບໍ່ຮັກກະບໍ່ທຸກ" ເປັນຈິງ
ດັ່ງຄຳຕຣັສ ຫາກຮັກທີ່ວ່ານີ້ເປັນຮັກທີ່ປົນດ້ວຍຣາຄະ ຄວາມເຫັນແກ່ໂຕ ຄວາມໃຈງ່າຍ ໃຝຕ່ຳ ເຮັດຕາມອາລົມຊົ່ວວູບ ແລະ ຄວາມຍຶດມັ່ນ
ຖືກຫມັ້ນໃນຮັກແບບງົມງ່າຍ ບໍ່ມີເຫດຜົນ ຂາດການພິຈາລະນາ ຄຸມສະຕິ ປ່ອຍໃຫ້ມັນມີອິດທິພົນຢູ່ເຫນືອຈິດໃຈ ເຫນືອສິນທຳຂອງຄວາມຖືກ
ຕ້ອງ ແລະ ເຫນືອຮີດຄອງປະເພນີອັນດີງາມຂອງສັງຄົມໄປ ສະນັ້ນທ່ານທັງຫລາຍຢ່າປ່ອຍໃຫ້ອາລົມຢູ່ເຫນືອເຫດຜົນ ຄວາມຮັກທີ່ແທ້ຈິງ
ຄວນຢູ່ໃນພື້ນຖານແຫ່ງຄວາມຖືກຕ້ອງ

* ຖ້າຄິດຈະມີຄວາມຮັກ ຕ້ອງຮູ້ຈັກຄວບຄຸມມັນໃຫ້ໄດ້
* ຕ້ອງໄຈ້ແຍກວ່າອັນໃດເປັນອັນໃດ ຢ່າປ່ອຍໃຫ້ມັນເປັນນາຍມາຄຸມເຮົາ
* ເວລາວຽກກະເຮັດວຽກຢ່າງຕັ້ງໃຈ ບໍ່ແມ່ນມົວລະເມີຝັນເພີ້ຣຸເຖິງຄົນອື່ນ
* ອະນາຄົດ ແລະ ຊີວິດເປັນຂອງເຮົາ ຢ່າເຜົາມັນດ້ວຍຮັກທີ່ບໍ່ເປັນຈິງ

   ຄວາມຮັກ ຄວາມເມດຕາ ຄວາມເຂົ້າໃຈ ຄວາມຫ່ວງໃຍ ແລະ ຄວາມບໍ່ເຫັນແກ່ໂຕ ແມ່ນເປັນຮາກຖານຂອງສັນຕິສຸກໃນຊີວິດ ແລະ ສັນຕິພາບໃນສັງຄົມ ຫາກແຕ່ລະຄົນໄດ້ອົບຮົມບົ່ມປູກເມັດພັນແຫ່ງຮັກ ແລະ ສິ່ງທີ່ດີງາມເຫລົ່ານີ້ໃຫ້ເກີດຂື້ນ ແລະ ເບິ່ງແຍງຮັກສາໃຫ້
ຈະເລີນເຕີບໃຫຍ່ງອກງາມໃນດວງຈິດນ້ອຍໆຂອງເຮົາ ອີກບໍ່ດົນດອກຮັກ ດອກເມດຕາ ແລະ ດອກໄມ້ແຫ່ງພຸດທະ ຄື: ຮູ້ ຕື່ນ ແລະ ເບິກ
ບານ ຈະເບັ່ງບານແຜ່ຂະຫຍາຍໄປເປັນ ພະລັງແຫ່ງຮັກ ອອກໄປຈາກແຕ່ລະບຸກຄົນ ສູ່ຄອບຄົວ ຈາກຄອບຄົວ ສູ່ຫມູ່ບ້ານ ຈາກແຕ່ລະບ້ານ
ສູ່ປະເທດ ຈາກແຕ່ລະປະເທດ ສູ່ສັງຄົມໂລກ

" ຈົ່ງສົ່ງມອບພະລັງແຫ່ງຮັກໄປສູ່ທຸກດວງຈິດ ເພາະເມື່ອເຮົາໃຫ້ສິ່ງດີໆ ກັບຄົນອື່ນເທົ່າກັບເປິດໂອກາດໃຫ້ສິ່ງດີໆ ເຂົ້າມາສູ່ຕົນເອງ"

* ຄັດ ແລະ ແປ ໂດຍ: ວຽງສອນ ວົງສ໌ຄຳ, ວັນທີ 23-06-2005
ອ້າງອີງຈາກ: ** ຫນັງສື "ສາລະແຫ່ງຊີວິດ ຄືຮັກ ແລະ ເມດຕາ" ໂດຍ: ພຣະອາຈານ ມິຕຊູໂອະ ຄະເວສໂກ